วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2558

F4 รักใสใสหัวใจสี่ดวง


เอฟโฟร์ (อังกฤษ: F4) เป็นวงบอยแบนด์จากไต้หวัน ประกอบด้วยสมาชิก 4 คนคือ เจอร์รี่ (Jerry), วิก (Vic), เคน (Ken) และ แวนเนส (Vanness)


เอฟโฟร์ประสบความสำเร็จครองใจแฟนเพลงทั่วเอเชีย จากภาพยนตร์ละครเรื่อง รักใสใสหัวใจ 4 ดวง ภาค 1 – 2 (Meteor Garden I & II) (สร้างจากหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง สาวแกร่งแรงเกินร้อย) และเทพบุตรถังแตก (The Poor Prince) (สร้างจากหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง ยามาดะ ทาโร่) ที่แพร่ภาพออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เมื่อ พ.ศ. 2545 จากนั้นได้รวมตัวเพื่อออกผลงานอัลบั้มชุดแรก เมทีเออร์เรน (Meteor Rain) หรือ หลิว ชิง ยี่ (Liu Xing Yu) ประสบความสำเร็จด้วยยอดจำหน่ายกว่า 180,000 แผ่น ที่ไต้หวัน และยังโด่งดังใน สิงคโปร์, มาเลเซีย, บรูไน แม้กระทั่งประเทศจีนที่มักต่อต้านกระแสวัฒนธรรมดนตรีป็อป.

ในปี พ.ศ. 2545 กับผลงานชุด 2 แฟนตาซี ฟอร์เอเวอร์ (Fantasy 4ever) หรือเยียนหั่วเตอจี้เจี๋ย ที่สามารถสร้างยอดจำหน่ายได้มากกว่า 40 ล้านเหรียญ พร้อมบทเพลงประกอบละครเรื่อง รักใสใสหัวใจ 4 ดวง ภาค 2 หรือ เมทีเออร์ การ์เด้น 2 (Meteor Garden 2) ในบทเพลงที่ใช้ชื่อภาษาไทยว่า คิดว่าไม่อาจสูญเสียเธอ หรือ จูย บู้ เน่ง ชี่ ซู่ หนี่ (Jue Bu Neng Shi Qu Ni) รวมทั้งบทเพลง ฤดูกาลแห่งควันไฟ หรือ ย่าน หัว จี เจี้ย (Yan Huo Ji Jie).

เอฟโฟร์ได้ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์โฆษณาเป๊ปซี่ อาสค์ ฟอร์ มอร์ (Ask For More) และบทเพลงประกอบภาพยนตร์การ์ตูนของวอลท์ ดิสนีย์ เรื่อง ลีโล่ แอนด์ สติทช์ (Lilo & Stitch) ใน Can't Help Falling In Love ซึ่งเพลงของราชาเพลงร็อกแอนด์โรล เอลวิส เพรสลีย์.

ในปี พ.ศ. 2546 รางวัล อินสปิเรชั่น อวอร์ด (Inspiration Award) จากงาน เอ็มทีวี เอเชีย อวอร์ดส (MTV Asia Awards) ที่สิงคโปร์อีกด้วย.

เอฟโฟร์ได้เปลี่ยนชื่อวงเป็น JVKV (ตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวแรกในชื่อของทั้ง 4 คน) เนื่องจากเดิม เอฟโฟร์ คือชื่อกลุ่มตอนที่แสดงเรื่อง รักใสใสหัวใจ 4 ดวง ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์ญี่ปุ่น ซึ่งทางญี่ปุ่นก็ได้ถ่ายทำเรื่อง รักใสใสหัวใจ 4 ดวง เช่นกัน ทำให้อาจมีชื่อวงซ้ำกัน ด้วยเหตุนี้ทางสำนักพิมพ์ของญี่ปุ่นจึงได้ขอว่าถ้าเป็นอะไรที่ไม่เกี่ยวกับละครก็อย่าใช้ชื่อ เอฟโฟร์ จะดีกว่า ด้วยเหตุนี้จึงทำให้กิจกรรมทุกอย่างจำต้องถูกเปลี่ยนไปใช้ชื่อ JVKV ไปหมด[1].

ต่อมาเอฟโฟร์ได้ออกอัลบั้มที่ 3 ที่ยังใช้ชื่อว่า เอฟโฟร์อยู่ ซึ่งมี 2 ปกด้วยกัน คือ ‘Awaiting Your Love’ และ ‘Feel Your Heart’ พร้อมกับละครเรื่องใหม่ที่ทั้ง 4 หนุ่มได้กลับมาร่วมแสดงด้วยกันอีกครั้ง[2] .

ในปี 2013 ในเดือนมกราคม 2013, กลุ่มได้รับการยืนยันการดำเนินการที่เทศกาลฤดูใบไม้ผลิเจียงซูทีวีในประเทศจีน ประสิทธิภาพเป็นเทปในกรุงปักกิ่ง วันที่ 30 มกราคม 2013 และมันจะออกอากาศใน 10 กุมภาพันธ์ 2013 มันเป็นงานแรกของพวกเขาร่วมกันในสี่ปี

ขอบคุณข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org

วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Subway Surfers เกมวิ่งในสมาร์ทโฟนที่เคยโด่งดัง

  
   วันนี้นะครับผมจะมารีวิวเกมแอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือที่เคยโด่งดังในอดีตซึ่งในก็คือเกมSubway Surfers

   โดยเนื้อเรื่องของเกมเป็นเด็กที่ชอบโชว์ฝีมือโดยการนำสีไปพ่นกับตัวรถไฟ และตำรวจมาพบเข้า จึงต้องหนีตำรวจ โดยหลบหนีรถไฟซึ่งเป็นส่วนหลักในการเล่นเกม
ปัจจุบันอยู่ในเวอร์ชันของ "เวิลด์ทัวร์" ซึ่งจะเปลี่ยนสถานที่ในฉากเกมไปตามเมืองที่มีชื่อเสียงต่าง ๆ

   ซึ่งรูปแบบของเกมนั้นจะเป็นเกมง่ายๆเล่นกันได้ทุกวัยโดยการวิ่งไปข้างหน้าเรื่อยๆหรือจะเรียกว่าEndless runner game ก็โดยวิธีการเล่นหลักๆคือการนำนิ้วไปสไลด์ไปในทิศทางต่างๆโดยการสไลด์ซ้ายขวาเพื่อหลบสิ่งของต่างๆสไลด์ขึ้นคือการกระโดดซึ่งการกระโดดจะสามารถกระโดดได้ถึงสองครั้งสไลด์ลงจะเป็นการกลิ้งตัวเพื่อหลบไม้กั้นหรือสิ่งของต่างๆและการกดปุ่มย้ำที่หน้าจอสองครั้งจะเป็นการใช้ไอเท็มพิเศษนั้นก็คือHoverboardซึ่งเจ้าสิ่งนี้จะสามารถป้องกันการชนสิ่งของต่างๆในเกมได้หนึ่งครั้งต่อชิ้น


   ซึ่งรายละเอียดไอเท็มต่างๆก็จะมี
1.Jetpackจะสามารถบินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและไม่โดนสิ่งกีดขวงระยะหนึ่ง
2.Super Sneakers ทำให้กระโดดสูงได้แต่ได้แค่ครั้งเดียว
3.Coin Magnet จะมีแม่เหล็กมาดูดเงินในทางทั้งหมดที่เราวิ่ง
4.2X Multipier เพิ่มคะแนนในการวิ่งสองเท่า




   เสร็จแล้วครับสำหรับการรีวิวครั้งนี้อาจจะมีระบบที่เพิ่มเติมมากกว่าที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นและนี้ก็เป็นเสน่ห์ของเกมนั้นเองสำหรับใครที่อยากเล่นง่ายๆเลยให้พิมพ์ชื่อเกมSubway Surferลงไปก็จะเจอเลยครับผม
   สุดท้ายนี้ผมขอฝากไว้อย่างนึงนั้นก็คืออย่าดกงเกมเลยครับไม่งั้นมันจะไม่มีเสน่ห์ในการเล่นเล่นไปจะไม่สนุกเจอปืนครับผม

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์


       ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือระบบเน็ตเวิร์ก คือ กลุ่มของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ถูกนำมาเชื่อมต่อกันเพื่อให้ผู้ใช้ในเครือข่ายสามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล และใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในเครือข่ายร่วมกันได้"เครือข่ายนั้นมีหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กที่เชื่อมต่อกันด้วยคอมพิวเตอร์เพียงสองสามเครื่อง เพื่อใช้งานในบ้านหรือในบริษัทเล็กๆ ไปจนถึงเครือข่ายขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกันทั่วโลก ส่วน Home Network หรือเครือข่ายภายในบ้าน ซึ่งเป็นระบบ LAN ( Local Area Network) เป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กๆ หมายถึง การนำเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ มาเชื่อมต่อกันในบ้าน สิ่งที่เกิดตามมาก็คือประโยชน์ในการใช้คอมพิวเตอร์ด้านต่างๆ เช่น
  1. การใช้ทรัพยากรร่วมกัน หมายถึง การใช้อุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องพิมพ์ร่วมกัน กล่าวคือ มีเครื่องพิมพ์เพียงเครื่องเดียว ทุกคนในเครือข่ายสามารถใช้เครื่องพิมพ์นี้ได้ ทำให้สะดวกและประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะไม่ต้องลงทุนซื้อเครื่องพิมพ์หลายเครื่อง (นอกจากจะเป็นเครื่องพิมพ์คนละประเภท)
  2. การแชร์ไฟล์ เมื่อคอมพิวเตอร์ถูกติดตั้งเป็นระบบเน็ตเวิร์กแล้ว การใช้ไฟล์ข้อมูลร่วมกันหรือการแลกเปลี่ยนไฟล์ทำได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องอุปกรณ์เก็บข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้นในการโอนย้ายข้อมูลตัดปัญหาเรื่องความจุของสื่อบันทึก ยกเว้นอุปกรณ์ในการจัดเก็บข้อมูลหลักอย่างฮาร์ดดิสก์ หากพื้นที่เต็มก็คงต้องหามาเพิ่ม
  3. การติดต่อสื่อสาร โดยคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเป็นระบบเน็ตเวิร์ก สามารถติดต่อพูดคุยกับเครื่องคอมพิวเตอร์อื่น โดยอาศัยโปรแกรมสื่อสารที่มีความสามารถใช้เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ได้เช่น เดียวกัน หรือการใช้อีเมล์ภายในก่อให้เครือข่าย Home Network หรือ Home Office จะเกิดประโยชน์นี้อีกมากมาย
  4. การใช้อินเทอร์เน็ตร่วมกัน คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อในระบบเน็ตเวิร์กสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ทุกเครื่อง โดยมีโมเด็มตัวเดียว ไม่ว่าจะเป็นแบบอนาล็อกหรือแบบดิจิตอลอย่าง ADSL ยอดฮิตในปัจจุบัน
       ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร สถาบันการศึกษาและบ้านไปแล้วการใช้ทรัพยากรร่วมกันได้ทั้งไฟล์ เครื่องพิมพ์ ต้องใช้ระบบเครือข่ายเป็นพื้นฐาน ระบบเครือข่ายจะหมายถึง การนำคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไปมาเชื่อมต่อกันเพื่อจะทำการแชร์ข้อมูล และทรัพยากรร่วมกัน เช่น ไฟล์ข้อมูลและเครื่องพิมพ์ ระบบเครือข่ายสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ด้วยกันคือ
1. LAN (Local Area Network) 
      ระบบเครื่องข่ายท้องถิ่น เป็นเน็ตเวิร์กในระยะทางไม่เกิน 10 กิโลเมตร ไม่ต้องใช้โครงข่ายการสื่อสารขององค์การโทรศัพท์ คือจะเป็นระบบเครือข่ายที่อยู่ภายในอาคารเดียวกันหรือต่างอาคาร ในระยะใกล้ๆพัฒนาการของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เกิดจากการเชื่อมต่อเทอร์มินอล (Terminal)เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรม (Mainfram Computer) หรือเชื่อมต่อกับมินิคอมพิวเตอร์ (Mini Computer) ซึ่งการควบคุมการสื่อสารและการประมวลผลต่างๆจะถูกควบคุมและดำเนินการโดยเครื่องเมนเฟรมหรือมินิคอมพิวเตอร์ซึ่งอาจเรียกอีกอย่างว่าโฮสต์ (Host) โดยมีการเชื่อมโยงระหว่างโฮสต์กับเทอร์มินอล ส่วนเทอร์มินอลทำหน้าที่เป็นเพียงจุดรับข้อมูล และ แสดงข้อมูลเท่านั้น
สำหรับเครือข่ายในปัจจุบันมีการทำงานที่มีประสิทธิภาพและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ทั้งการเข้าถึงและการใช้งานทรัพยากรที่มีอยู่บนเครือข่าย เช่น เครื่องพิมพ์ ดิสก์ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันเรียกเทอร์มินอลที่มีความสามารถเล่านี้ว่าโหนด(Node)ลักษณะการกระจายการทำงานแบบการกระจายศูนย์ (Distributed System) ซึ่งเป็นการกระจายภาระ และหน้าที่การทำงานไปโหนดบนเครือข่ายทั้งภายใน และภายนอกหน่วยงาน ซึ่งจะช่วยลดภาระการทำงาน ของโฮสต์ลงได้เป็นอย่างมาก
ปัจจุบันมีการใช้งานเครือข่ายระยะใกล้ หรือเรียกอีกอย่างว่าเครือข่ายท้องถิ่น (LAN หรือ Local Area Network) อย่างแพร่หลายในเกือบทุกหน่วยงาน จนเปรียบเสมือนปัจจัยในการทำงานของสำนักงานทั่ว ๆ ไป เช่นเดียวกับเครื่องพิมพ์ดีด หรือเครื่องถ่ายเอกสารบุคคลากรเกือบทุกคนในหน่วยงานจะมี เครื่องคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 1 เครื่อง เพื่อใช้งานในด้านต่างๆ นอกจากนี้อาจจะมีการเชื่อมโยงกับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ทางคอมพิวเตอร์กับระบบงานอื่น ภายในหน่วยงานเดียวกันภายในตึกเดียวกัน หรือภายในองค์กรเดียวกัน การเชื่อมโยงในลักษณะนี้เปรียบเสมือนการเชื่อมโยงประสานการทำงานของหน่วยงานหรือ องค์กรเข้าด้วยกัน ซึ่งเรียกการเชื่อมโยงลักษณะนี้ว่าเครือข่ายท้องถิ่น
      สรุปแล้วเครือข่ายระยะใกล้ หรือเครือข่ายท้องถิ่น (LAN)เป็นรูปแบบการทำงานของระบบเครือข่ายแบบหนึ่ง ที่ช่วยให้เครื่องคอมพิวเตอร์ (Computer) เครื่องพิมพ์ (Printer) และอุปกรณ์ใช้งานทางคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ สามารถเชื่อมโยงเอกสาร ส่งข้อมูลติดต่อใช้งานร่วมกันได้ การติดต่อสื่อสารของอุปกรณ์ จะอยู่ในบริเวณแคบ โดยทั่วไปมีระยะทางไม่เกิน 10 กิโลเมตร เช่น ภายในอาคารสำนักงานภายในคลังสินค้า โรงงาน หรือระหว่างตึกใกล้ ๆ เชื่อมโยงด้วย สายสื่อสารจึงทำให้มีความเร็วในการสื่อสารข้อมูลด้วยความเร็วสูงมาก และมีความผิดพลาดของข้อมูลต่ำ
2. MAN (Metropolitan Area Network) 
      ระบบเครือข่ายเมือง เป็นเน็ตเวิร์กที่จะต้องใช้โครงข่ายการสื่อสารขององค์การโทรศัพท์ หรือการสื่อสารแห่งประเทศไทย เป็นการติดต่อกันในเมือง เช่น เครื่องเวิร์กสเตชั่นอยู่ที่สุขุมวิท มีการติดต่อสื่อสารกับเครื่องเวิร์กสเตชั่นที่บางรัก
3. WAN (Wide Area Network) 
      ระบบเครือข่ายกว้างไกล หรือเรียกได้ว่าเป็น World Wide ของระบบเน็ตเวิร์ก โดยจะเป็นการสื่อสารในระดับประเทศ ข้ามทวีปหรือทั่วโลก จะต้องใช้มีเดีย(Media) ในการสื่อสารขององค์การโทรศัพท์ หรือการสื่อสารแห่งประเทศไทย (คู่สายโทรศัพท์ dial-up / คู่สายเช่า Leased line / ISDN) (lntegrated Service Digital Network สามารถส่งได้ทั้งข้อมูล เสียง และภาพในเวลาเดียวกัน)ระบบเครือข่ายระยะไกล หรือ Wide Area Network เป็นระบบเครือข่ายที่ติดตั้งใช้งานอยู่ในบริเวณกว้าง โดยมีการส่งข้อมูลในลักษณะเป็นแพ็คเก็ต (Packet) ซึ่งต้องเดินทางจากเครื่องคอมพิวเตอร์ต้นทางไปสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ปลายทาง แพ็กเก็ตนี้ถูกส่งจากเครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่ง โดยมีสายสื่อสารหรืออุปกรณ์สื่อสารอื่นในการเชื่อมต่อถึงกันในลักษณะเป็นลูกโซ่ หรือเป็นทอดๆอาศัยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ระหว่างทางแต่ละตัวจะรับข้อความนั้นเก็บจำเอาไว้ และส่งต่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ถัดไปในเส้นทางที่สะดวก รูปแบบของเครือข่ายที่แตกต่างกันไปตามลักษณะของอัลกอริทึมสำหรับการคำนวณในการส่งแพ็คเก็ต โดยแบ่งออกได้เป็นสองประเภทใหญ่ๆคือ แบบดาตาแกรม (Datagram) และแบบเวอร์ชวลเซอร์กิต (Virtual Circuit)หรือแบบวงจรเสมือน ระบบดาตาแกรมพิจารณาแต่ละแพ็คเก็ตแยกออกจากกัน แพ็คเก็ตต่างๆของข้อความเดียวกันอาจถูกส่งไปในเส้นทางที่ต่างกันได้ขึ้นอยู่กับปริมาณข่าวสารในเครือข่ายในแต่ละขณะเวลาที่ผ่านไป และรวมถึงการเปลี่ยนแปลงลักษณะของเครือข่ายเนื่องจากเครื่องคอมพิวเตอร์บางตัว"เสีย"(คือไม่อาจร่วมในการส่งผ่านข่าวสารในเครือข่ายได้) ดังนั้นการจัดเส้นทางจึงทำอยู่ตลอดเวลาเพื่อปรับให้เข้ากับสภาวะเครือข่าย ข้อเสียของระบบเช่นนี้คือ แพ็คเก็ตอาจไปถึงจุดหมายโดยไม่ได้เรียงลำดับ(Out of Order) จึงต้องถูกจัดเรียงใหม่ก่อนที่จะส่งต่อให้ผู้รับปลายทาง เครือข่ายที่ใช้ระบบนี้รู้จักกันดีคือ อาร์พาเน็ต(ARPARNET)ย่อมาจาก (Advanced Research Projects Agency Network) ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นจุดกำเนิดแม่แบบเครือข่ายสากล หรืออินเตอร์เน็ตด้วย (Internet) ด้วยส่วนระบบเครือข่ายเวอร์ชวลเซอร์กิตใช้รหัสของต้นทางและปลายทางในแพ็คเก็ตแรก เพื่อจัดเส้นทางผ่านระบบเครือข่ายสำหรับข้อความที่ต้องการส่งในชุดนั้นทั้งหมด ข้อดีของวิธีนี้คือ ส่วนหัวสำหรับแพ็คเก็ตถัดๆไปมีขนาดลดลงได้เพราะแพ็คเก็ตหลังๆเพียงแต่ตามหลังแพ็คเก็ตหน้าไปจึงไม่จำเป็นต้องมีรหัสต้นทางปลายทางอีก และอัลกอริทึมสำหรับจัดเส้นทางนั้นจะทำกันเพียงครั้งเดียวต่อข้อความทั้งข้อความ แทนที่จะต้องคำนวณใหม่สำหรับทุกๆแพ็คเก็ต ข้อเสียสำหรับวิธีการนี้ คือ คอมพิวเตอร์ตามที่กำหนดเส้นทางขึ้นนั้นต้องเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางนี้ไว้จนกว่าแพ็คเก็ตสุดท้ายจะผ่านไปแล้ว ในกรณีนี้ต้องใช้ที่เก็บข้อมูลมากสำหรับทั้งเครือข่าย และก่อให้เกิดปัญหาใหญ่หากคอมพิวเตอร์เครื่องใดในเส้นทางเกิดเสีย และข้อเสียอีกประการ คือสมรรถนะของเครือข่ายไม่อาจเปลี่ยนแปลงตามสภาพการใช้งานได้ง่าย เพราะเส้นทางถูกกำหนดตายตัวตั้งแต่แพ็คเก็ตแรกหากสภาวะของเครือข่ายระหว่างที่มีการสื่อสารข้อมูลกันอยู่มีการเปลี่ยนแปลงไป แพ็กเก็ตหลังๆก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงหรือปรับเส้นทางในการสื่อสารที่เหมาะสมได้ ตัวอย่างของเครือข่ายแบบนี้คือ TRANSPAC ในฝรั่งเศสและ TYMNET ในสหรัฐอเมริกาหลังจากนั้นก็มีการพัฒนาระบบเครือข่ายขึ้นเรื่อยๆ จนในปัจจุบันประมาณการว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันในโลกของอินเตอร์เน็ตมีมากกว่า 30 ล้านเครื่องเลยทีเดียว โดยมีข้อกำหนดว่าทุกเครือข่ายที่เชื่อมต่อถึงกันจะต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานของการเชื่อมต่อหรือโปรโตคอล ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้งานบนเครือข่ายแบบนี้โดยเฉพาะซึ่งเรียกว่า TCP/IP เหมือนกันหมดทุกเครื่องจากมาตรฐานการเชื่อมต่อแบบเดียวกันนี้จะมีผลทำให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ปัจจุบันมีจำนวนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ตมากกว่า 5 หมื่นเครือข่าย และนับวันจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะที่เครื่องคอมพิวเตอร์กลางที่คอยให้บริการข้อมูลหรือเซิร์ฟเวอร์ที่ต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ต 5 ล้านเครื่อง และยังประมาณกันว่าจะมีผู้ขอใช้อินเตอร์เน็ตต (ไคลเอนต์) ในเวลานี้มากกว่า 30 ล้านคน กระจายการใช้งานมากกว่า 84 ประเทศในทั่วทุกมุมโลก ด้วยการออกแบบที่ชาญฉลาดของผู้พัฒนาเครือข่าย โดยไม่มีข้อจำกัดทางฮาร์ดแวร์ เพียงแต่ใช้มาตรฐานการเชื่อมต่อแบบ TCP/IP เท่านั้น ทำให้อินเตอร์เน็ตสามารถเติบโตไปอย่างไม่มีขอบเขตและขีดจำกัดโดยไม่มีใครสามารถเข้ามาควบคุมการผูกขาดทางเทคโนโลยีซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเครือข่ายอินเตอร์เน็ตอินเตอร์เน็ตเปิดให้บริการเครือข่ายที่สามารถให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูล ด้วยรูปแบบการนำเสนอข้อมูลที่เป็นแบบมัลติมีเดียซึ่งประกอบไปด้วยภาพกราฟิก เสียง ข้อมูล และสัญญาณวิดีโอที่ชื่อว่า World Wide Web ที่ทำให้การค้นหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตมีความง่ายและสะดวกต่อการใช้งานมากนอกนั้นอินเตอร์เน็ตยังกลายเป็นเครือข่ายที่เปิดกว้างสำหรับทุกๆเรื่อง ตั้งแต่การแสดงออกทางความคิดเห็นจนถึงการสร้างโอกาสทางธุรกิจสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆอย่างไร้ข้อจำกัด โดยไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบใครในโลกอภิมหาเครือข่าย
cr.http://csmju.jowave.com/cs100_v2/lesson4.html

วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

วิเคราะห์ข้อสอบ O-NET คอมพิวเตอร์



ข้อสอบ 
1. เด็กชายเอต้องการบันทึกภาพถ่ายดิจิทัลจานวนมากในคอมพิวเตอร์ เด็กชายเอต้องพิจารณาลักษณะจาเพาะใดของคอมพิวเตอร์เป็นอันดับแรก
 1. ความเร็วของ ซีพียู
 2. ความจุฮาร์ดดิสก์ 
3. ปริมาณหมึกพิมพ์ 
4. ความละเอียดหน้าจอ
เฉลย ตอบข้อ 2 ฮาร์ดดิสก์ (Hard disk) เป็นฮาร์ดแวร์ที่ทาหน้าที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ของเครื่องคอมพิวเตอร์ เพราะฉะนั้นหากต้องการบันทึกภาพถ่ายดิจิทัลจานวนมาก ฮาร์ดดิสก์ต้องมีความจุค่อนข้างสูง

2. การค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตด้วยคาศัพท์ใดที่ให้ผลลัพธ์เฉพาะเจาะจงมากที่สุด
1. อาหาร
 2. ผลไม้
 3. ทุเรียน
4. เงาะโรงเรียน
เฉลย
ตอบข้อ 4 เงาะโรงเรียน เพราะระบุชื่อสายพันธุ์ เมื่อเปรียบเทียบกับอาหาร ผลไม้ ทุเรียนแล้วยังเป็นคาที่มีความหมายกว้างๆ อยู่

3. ขั้นตอนแรกของกระบวนการแก้ปัญหา คือข้อใด
1. ดาเนินการแก้ปัญหา
2. วางแผนแก้ปัญหา
 3. ตรวจสอบและปรับปรุง
 4. วิเคราะห์และกาหนดรายละเอียดของปัญหา
เฉลย
ตอบข้อ 4 วิเคราะห์และกาหนดรายละเอียดของปัญหา

4. แหล่งข้อมูลใดน่าเชื่อถือมากที่สุด
1. แหล่งข้อมูลจากเฟสบุ๊ก
 2. แหล่งข้อมูลที่มีการอ้างอิง
3. แหล่งข้อมูลที่เพื่อนแบ่งปันมาให้
 4. แหล่งข้อมูลที่แปลจากภาษาต่างประเทศ
เฉลย
ตอบข้อ 2. แหล่งข้อมูลที่มีการอ้างอิง

5. การเลือกใช้เครื่องมือที่ถูกต้องที่สุด คือข้อใด
1. ใช้มีดพร้าตัดไม้อัด
 2. ใช้กบไสไม้ตัดไม้อัด
 3. ใช้เลื่อยลันดาตัดไม้ยาง
 4. ใช้เลื่อยฉลุตัดไม้กระดาน
เฉลย
ตอบข้อ 3. เนื่องจาก เลื่อยลันดา ( Hand Saw ) เป็นเลื่อยที่ใช้ตัดไม้ทั่วไป
อ้างอิง
http://forum.02dual.com/index.php?topic=655.0

วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

รวมคำ(ด่า)ย่อย่อแบบภาษาอังกฤษ


สวัสดีครับวันนี้ผมจะมานำเสนอความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์หยาบๆหรือคำด่าแบบภาษาอังกฤษเวลาเราไปอ่านบทความ หรือดูฝรั่งคุยกัน มันมักจะมีคำย่อแปลก ๆ ที่บางคนไม่เข้าใจ วันนี้เลยมาไขให้กระจ่างโตๆกันแล้ว จัดเต็ม ไม่เซ็นเซอร์นะครัฟฟ
***คำเตือน : บทความนี้พิมพ์เก็บเอาไว้ใช้ในการศึกษาวัฒนธรรมอันสวยงามในด้านมืดของภาษาอังกฤษเท่านั้น ไม่ได้ส่งเสริมให้ท่านเป็นคนหยาบคายหรือเอาไว้ด่าใคร ***


WTF = What the Fuck แปลว่า เหี้ยอะไรว่ะ !! (หยาบมาก)

FTW = Fuck the world แปลแบบห้วนๆว่า เยิ้บโลก !! แต่ความหมายที่แท้จริง คือ คำด่าลอยๆไม่ได้เจาะจงด่าใครเป็นพิเศษ ในภาษาไทยก็จะเป็นประมาณว่า พูดประโยคอะไรซักอย่างจบแล้วตามด้วย "เหยดดดดดดดด..." อารมณ์ประมาณผิดหวัง หรือว่าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง 

Fuck the world แปลได้อีกอย่าง แปลว่า "แม่งโคตรสุดยอด" เช่น อยากบอกว่าวงดนตรี xJapan เมพขิง ๆ ก็พูดว่า "xJapan Fuck the world" เป็นต้น 

WTH = What the hell แปลว่า เหี้ยอะไรวะ !! ถ้าอยากสุภาพหน่อยก็ใช้คำว่า "What the heck !" 

LMAO = laugh my ass off แปลว่า ฮาขี้แตกขึ้แตน 

LMFAO = laugh my Fucking ass off แปลว่า ไอ้เหี้ยโคตรฮาขี้แตกขึ้แตนน (หยาบนิดหน่อย)

STFW = Search The Fucking Web แปลว่า ดูในเว็บดิ ไอควาย (หยาบนิดหน่อย) 

GIYF = Google Is Your Friend แปลว่า ไปดูใน google ดิ 

JFGI , FGI = Just Fucking Google It แปลว่า ไปดูใน google ดิ ไอควาย (หยาบคายปานกลาง) 

RTFA = Read the Fucking Article แปลว่า ไปอ่านในบทความดิ ไอควาย (หยาบคายปานกลาง) 

RTFM = Read The Fucking Manual แปลว่า ไปอ่านในคู่มือดิ ไอควาย (หยาบคายปานกลาง) 

DFC = Delicious Flat Chest แปลว่า นินทาผู้หญิงว่าไม่มีนม นังสาวแบน (แต่น่ารักมาก) ออกแนวหื่นกามอย่างยิ่ง 555+

ROLF = Roll-around Fucking Laugh แปลว่า ขำขี้แตกขึ้นแตน (หยาบนิดหน่อย) 

ROFL = Rolling On Floor Laughing แปลว่า "ขำกลิ้ง" ไม่หยาบคายอะไร 

STFU = Shut the Fuck up แปลว่า"หุบปากไป ไอ้เหี้ย !!" หยาบคายมาก 

Suck my Dick (suck แปลว่า ดูด, Dick แปลว่า อวัยวะเพศชาย) แปลง่ายๆเหมือน shut the Fuck up แต่หยาบคายสุดๆ หรือเวลาไม่เห็นด้วยกับคนที่เราพูดอยู่แล้วบอกว่า "พ่อคุณเอ้ย กระเจี้ยวเห้อะ" แปลประมาณว่า "ดูดเจี้ยวหวานกูก่อนสิ แล้วกูจะเห็นด้วย/ทำตาม"

ROFLAO = Rolling on floor laughing my ass off แปลว่า การขำขี้แตกขี้แตน(ขั้นสูงสุด) [ไม่ใช่คำหยาบ แต่ก็ไม่สุภาพ]
IDK= I don't know [ไม่ใช่คำหยาบ] 


FYI = For your information ใช้อ้างอิงเวลาตอบกระทู้ แปละว่า "จากข้อมูลที่คุณให้มา" [ไม่ใช่คำหยาบ] 

IMHO = in my humble opinion ใช้พูดถ่อมตัวตอนแสดงความคิดเห็น แปลว่า"ในความคิดอันต้อยต่ำของข้าพเจ้า" [ไม่ใช่คำหยาบ] 

GFY = Go _uck yourself แปลว่า ไปไกลๆตีนเลย (หยาบคายมาก ประมาณว่าชาตินี้ไม่ต้องเจอกันอีก ด่าด้วยคำนี้เป็นการด่าแบบจริงใจ ไม่ล้อเล่น) 

GTFO = Get the Fuck out แปลว่า ออกไปเลยไอ้สัสเช่น ออกจากห้องกูไปเลยสัส Get the Fuck out of my room 

Go shave your back เห็นมาจากหนังเรื่อง mean girls ไม่เคยเห็นคนใช้ด่ากันอย่างเป็นทางการเท่าไหร่ แปลตรงตัวว่า "ไปโกนขนที่หลังของคุณ" แปลเป็นไทยว่า "ไปไกลๆตีีนเลย" หรือ "มึงไปถางหญ้าหน้าฮวงซุ้ยก๋งมึงเหอะ"

Damn!! เป็นคำอุทาน ประมาณว่า เหี้ยเอ้ย! ต้องลากเสียงยาวด้วยนะ จะได้อารมณ์มากคำนี้ "แดมมมมมม!!" ในหนังฝรั่งเวลาพากย์เสียงไทย ก็จะพากย์ว่า "พับผ่าเถอะ(โรบิ้น)" 

God damn it เป็นคำอุทานเหมือนกัน ประมาณว่า แม่งเอ้ย! ในหนังฝรั่งเวลาพากย์เสียงไทย ก็จะพากย์ว่า "พับผ่าเถอะ(โรบิ้น)" เช่นกัน (ฮา)

OMG = Oh my god(gosh) Oh my god. เป็นคำอุทานไม่หยาบคายอะไร แปลว่า "โอ้ พระเจ้า(จอร์ชมันยอดมาก)" 

OH my god ถ้าอย่างให้หยาบคายหน่อย ในหนังฝรั่งบางทีก็พูดว่า "Oh my Fucking god" (พูดเน้นเสียงตรง Fucking หนักและยาว เพื่อให้ได้อารมณ์ความหยาบคาย) 

Oh shit ใช้เหมือน Oh my god แต่หยาบคายกว่า

hol y shit แปลตรงตัวว่า ขี้ ศักสิทธิ์ เป็นคำอุทาน แปลว่า แม่งเอ้ยเวรตะไลเอ้ย 

holy hell แปลตรงตัวว่า นรกศักสิทธิ์ เป็นคำอุทาน แปลว่า แม่งเอ้ย เวรเอ้ย 

hell,yeah แปลว่า yes หรือแปลเป็นไทยว่า "เออดิ.. สา ดดด"หรือพูดกับเพื่อนเพื่อความมันส์ 

hell,man เป็นคำอุทาน แปลว่า เวรเอ้ย 

Fucking hell,man เป็นคำอุทาน แปลว่า เหี้ยเอ้ย แม่งเอ้ย 

Fuck you แปลได้ประมาณว่า ไปตายซะหรือแปลเป็นภาษาพูดในภาษาไทยก็ได้ว่า ควยเห้อะ ไอ้แม่เหยดด ค่อนข้างหยาบคาย แต่เพื่อนกันก็ด่ากันเล่นๆด้วยคำนี้ 

ในภาษาอังกฤษอเมริกัน จะอ่านว่า ฟัก-ยูว ชัดๆ 
ในภาษาอังกฤษของประเทศในแถบยุโรป จะอ่านว่า โฝ๊ะ-ยู 

Damn you แปลได้ประมาณว่า ไปตายซะ ค่อนข้างหยาบคาย ถ้าใช้คำนี้เป็นการด่าแบบจริงใจ ไม่ได้ล้อเล่น 

Don't kiss my ass แปลว่า อย่ามาประจบเลยแสรดด / อย่ามาแกล้งเอาใจ 

go to Fucking hell แปลว่า ไปตายซะ,ไปลงนรกซะ 

bitch, slut แปลว่า นังดอกทอง อีกระหรี่ อะไรประมาณนี้ 

sons of bitches, son of a bitch แปลตรงตัวว่า ไอ้ลูกกระหรี่ ในหนังฝรั่งเวลาพากษ์เสียงไทยจะใช้คำว่า ไอ้ลูกหมาเอ้ย เขียนย่อ ๆ ว่า You r SOB !!

I am in deep shit แปลตรงตัวว่า ชั้นอยู่ในกองขี้ แปลเป็นไทยว่า "ซวยแล้ววว.. ส าดดด" 

I Fucked up แปลเป็นไทยว่า "แม่งเอ้ย งานเข้า ซวยแล้ววว.. ส าดดด" 

you are in deep shit แปลตรงตัวว่า คุณอยู่ในกองขี้ แปลเป็นไทยว่า "มึงซวยแว้วววว. สาดด" คำที่สุภาพของคำนี้คือ you are in trouble 

You Fucked up "มึง ซวยแว้วววว. สา ดด"

และหากใครมาถามคุณว่า

Are you gay?

คุณอยากปฏิเสธ และตอบเขาว่า กูชายทั้งแท่งนะเว้ย คุณก็ตอบเขาได้เลยว่า

No, I'm straight!!

เครดิต http://topicstock.pantip.com/isolate.../M9932214.html
http://streetenglish.exteen.com/20100521/entry

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ภาษาคอมพิวเตอร์

   

ภาษาซี (C Programming Language) คือ ภาษาคอมพิวเตอร์ใช้สำหรับพัฒนาโปรแกรมทั่วไป ถูกพัฒนาครั้งแรกเพื่อใช้เป็นภาษาสำหรับพัฒนาระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ ( Unix Opearating System) แทนภาษาแอสเซมบลี ซึ่งเป็นภาษาระดับต่ำที่สามารถกระทำในระบบฮาร์ดแวร์ได้ด้วยความรวดเร็ว แต่จุดอ่อนของภาษาแอซเซมบลีก็คือความยุ่งยากในการโปรแกรม ความเป็นเฉพาะตัว และความแตกต่างกันไปในแต่ละเครื่อง เดนนิส ริตชี (Dennis Ritchie) จึงได้คิดค้นพัฒนาภาษาใหม่นี้ขึ้นมาเมื่อประมาณต้นปี ค.ศ. 1970 โดยการรวบรวมเอาจุดเด่นของแต่ละภาษาระดับสูงผนวกเข้ากับภาษาระดับต่ำ เรียกชื่อว่า ภาษาซี คลิปลับ VDO งานเสริมทำออนไลด์ผ่าน net สร้างรายได้ 5 หมื่น บ/ด ขั้นต่ำ ดูที่ www.888.321.cn 
          เมื่อภาษาซี ได้รับความนิยมมากขึ้น จึงมีผู้ผลิต compiler ภาษาซีออกมาแข่งขันกันมากมาย ทำให้เริ่มมีการใส่ลูกเล่นต่างๆ เพื่อดึงดูดใจผู้ซื้อ ทาง American National Standard Institute (ANSI) จึงตั้งข้อกำหนดมาตรฐานของภาษาซีขึ้น เรียกว่า ANSI C เพื่อคงมาตรฐานของภาษาไว้ไม่ให้เปลี่ยนแปลงไป
โครงสร้างของโปรแกรมภาษาซี และตัวอย่าง
          โปรแกรมในภาษาซีทุกโปรแกรมจะประกอบด้วยฟังก์ชันอย่างน้อย หนึ่งฟังก์ชัน คือ ฟังก์ชัน main โดยโปรแกรมภาษาซีจะเริ่มทำงานที่ฟังก์ชัน main ก่อน ในแต่ละฟังก์ชันจะประกอบด้วย
          1. Function Heading ประกอบด้วยชื่อฟังก์ชัน และอาจมีรายการของ argument (บางคนเรียก parameter) อยู่ในวงเล็บ
          2. Variable Declaration ส่วนประกาศตัวแปร สำหรับภาษาซี ตัวแปรหรือค่าคงที่ทุกตัว ที่ใช้ในโปรแกรมจะต้องมีการประกาศก่อนว่าจะใช้งานอย่างไร จะเก็บค่าในรูปแบบใดเช่น interger หรือ real number
          3. Compound Statements ส่วนของประโยคคำสั่งต่างๆ ซึ่งแบ่งเป็นประโยคเชิงซ้อน (compound statement) กับ ประโยคนิพจน์ (expression statment) โดยประโยคเชิงซ้อนจะอยู่ภายในวงเล็บปีกกาคู่หนึ่ง { และ } โดยในหนึ่งประโยคเชิงซ้อน จะมีประโยคนิพจน์ที่แยกจากกันด้วยเครื่องหมาย semicolon (;) หลายๆ ประโยครวมกัน และ อาจมีวงเล็บปีกกาใส่ประโยคเชิงซ้อนย่อยเข้าไปอีกได้
ที่มา
http://www.geocities.com/suwit_0000/index.html
http://nanotech.sc.mahidol.ac.th/c/basic/index.htm

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Social Network กับนักเรียนและสังคมไทย

    

    ทุกวันนี้social networkได้ก้าวเข้ามาในสังคมไทยและมีผลกับสังคมไทยอย่างมากเนื่องจากการที่เราจะเข้าสู่โลกsocial networkนั้นง่ายมากเพราะมีสื่อดังจากsocial networkมากมาย อาทิ เช่น Facebook,Twitter,tumblr หรือแม้กระทั่งเว็บที่อยู่กับสังคมไทยมานานหรือถ้าเกิดเหตุแล้วเขียนกระทู้ในเว็บนี้ยังเร็วกว่าแจ้งตำรวจอย่างPantip

และสื่อเรานี้จะปิดโอกาสให้ผู้คนมาพบปะสังสรรค์ ทำความรู้จัก แลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูล หรือ ข่าวสาร สื่อเหล่านี้ทำให้สังคมไทยของเรากว้างขว้าง และเข้าถึงได้มากกว่าแต่ก่อนมาก ซึ่งมีข้อดีหลากหลายประการ ไม่เพียงแต่มีข้อดีเท่านั้น หากผู้ที่ใช้ ใช้ไปในทางที่ไม่ดี หรือ ไม่ถูกต้อง ก็สามารถก่อให้เกิดโทษได้อีกเช่นกัน

สำหรับตัวนักเรียนนั้นsocial network นั้นมีประโยชน์ต่อตัวนักเรียนมากเพราะสามารถนำไปใช้ในการดูงานคุยกับเพื่อน หรือทำอย่างอื่นต่างๆอีกมากมาย แต่อย่างลืมว่าsocial networkนี้แค่เราพิมพ์อะไรไปโดยไม่คิดหรือทำอะไรไม่ดีแค่แปปเดี๋ยวที่เราทำอะไรไปเราก็อาจจะอยู่ในสังคมลำบากและอาจจะมีกระแสย้อนกลับจนเราถูกแบนจากสังคมในชีวิตจริงเลยก็ว่าได้

เพราะฉะนั้นsocial network มีทั้งข้อดีมีทั้งข้อเสียเวลาเราจะคิดหรือจะโพสต์ในsocial network ก็ลองคิดทบทวนเยอะๆและคิดดีๆกันนะครับ